บทที่ 8 อันหนึ่งขอโทษ อีกอันก็ขอบคุณ
.
.
.
ตอนนี้บิ้วตี้กำลังนั่งกัดเล็บอย่างใช้ความคิด สลับกับก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือไปพลาง สายตาล่อกแล่กไปมาครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง
“เอาว่ะ!!” พูดกับตัวเองเสียงดังฟังชัดชวนให้ฮึกเหิม ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินมุ่งตรงไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณจนสะอาดผุดผ่องไปทั้งตัว แล้วฮัมเพลงออกมายืนเลือกเสื้อผ้าสุดเซ็กซี่ขยี้ใจ สุดท้ายแล้วก็ได้ชุดเสือดาวสั้นกุดมาสวมใส่
ที่ด้านข้างของชุดนั้นขาดแหว่งเว้าโค้ง รับเข้ากับเอวคอดกิ่ว เปิดเผยผิวเนื้อนวลเนียน มีห่วงกลมๆ สีทองคอยรั้งอยู่ตรงกลางลำตัว สายเสื้อทั้งสองข้างแบบคล้องคอ เปิดเผยเนินอกสีขาวนวล และมันคงจะดูเย้ายวนมากกว่านี้หากมองเห็นเนินอก แต่เพราะว่าไม่มีเหมือนหญิงสาวทั่วไป จึงใช้วิธียัดฟองน้ำ โกยนมจนแทบจะช้ำเลือด แต่นมที่ขึ้นมานั้นก็น้อยนิดเต็มที
บิ้วตี้ถอนหายใจเบาๆ แล้วจึงหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่ทับเอาไว้อีกหน เดินนวยนาดออกจากห้อง ลงบันไดไปที่ชั้น 3 ของตึก เลี้ยวไปทางซ้ายมือ มุ่งตรงสู่ปลายทาง ในระหว่างนั้นก็เจอลูกหอคนอื่นๆ ที่แวะเวียนทักทายบ้างเล็กน้อย บิ้วตี้ก็โบกไม้โบกมือรับ ยิ้มแย้มสดใสส่งให้
“พี่บิ้ว วันนี้มีเด็กมาใหม่หรอครับ”
“จ้าาาา” บิ้วตี้ตอบรับเสียงหวานจ๋อย ก่อนจะส่งจูบให้อีกหนแล้วเดินจากมา
“เจ๊บิ้ว วันนี้จะแวะทานข้าวห้องผมไหมครับ ผมมี ข้าวหลาม เป็นของหวานนะ” คนพูดกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเล่ห์ร้าย หากแต่บิ้วตี้กลับโบกไม้โบกมือไปมาเชิงปฏิเสธ
“วันนี้เจ๊อยากลองไส้กรอกอเมริกัน ไว้วันหลังนะจ๊ะหนุ่มน้อย” พูดพร้อมกับลูบไล้ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะกดจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มแล้วจากมา
หลังจากนั้นในแต่ละห้องที่มีคนอยู่ ต่างเปิดห้องออกมาดูพร้อมกับส่งเสียงเรียกบ้าง ทักทายบ้าง ชวนเข้าห้องบ้าง แต่บิ้วตี้ก็ปฏิเสธไปทั้งหมด ก่อนจะไปหยุดยืนที่หน้าประตูสุดริมทางเดิน สูดลมหายใจเข้าออก ก่อนจะเสียบกุญแจแล้วไขเข้าไปในที่สุด
“นุ้งวิน...... นอนแล้วหรออออ” บิ้วตี้พยายามดัดเสียงให้อ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดินเข้าห้องที่ปิดไฟสนิท ไร้เสียงสิ่งมีชีวิตภายในห้อง
บิ้วตี้ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะคลำมือหาสวิตช์ไฟ เมื่อเจอแล้วก็กดปุ่ม ทำให้หลอดไฟกลางห้องทำงาน เมื่อแสงสว่างส่องไปทั่วห้อง จึงเห็นเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ภายในห้องนี้ และข้าวของแต่ละอย่างก็ยังคงวางกองไว้ที่กลางห้อง บางส่วนถูกรื้อค้นและจัดเก็บไปบ้างแล้ว แต่ส่วนที่ถูกละเลยก็ยังเยอะมากกว่าอยู่ดี
“ไปไหนละเนี้ย” บิ้วตี้บ่นพึมพำพร้อมกับการกระทืบเท้า เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ขาเรียวสวยไขว่ห้างแล้วเท้าคางมองไปรอบๆ ห้อง
5 นาที....
ยังเฉยๆ
10 นาที....
ยังรอไหว
15 นาที....
ชักน่าเบื่อเกินไป
20 นาที....
รอไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยย
“เบื่อ!!!” บิ้วตี้ทำหน้ามุ่ย ผุดลุกขึ้นยืน เดินวนไปวนมาภายในห้องพัก ในที่สุด สายตาก็หันไปมองกองข้าวของมากมายที่กลางห้อง บิ้วตี้เดินไปที่กระเป๋าเสื้อก่อนเป็นอันดับแรก เอ่ยปากบอกแม้จะไม่มีใครได้ยินก็ตามที
“ขออนุญาตน้าาาา” ว่าจบก็เปิดกระเป๋าออก รื้อค้นเสื้อผ้าออกมา จัดเก็บเข้าตู้ตามชนิดและสี เรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อันไหนควรแขวนก็แขวน ควรพับก็พับ และที่ก้นกระเป๋านั้นเป็นชั้นในชาย ทำให้บิ้วตี้ตาวาว หยิบขึ้นมากางออก ก่อนที่จะ....
ฟื้ดดดดดดดด
“ชื่นจาย~~~” ว่าด้วยความอารมณ์ดี แล้วฮัมเพลงเก็บของต่อ สิ่งต่อมาที่บิ้วตี้ทำหลังจากเก็บเสื้อผ้าแล้ว คือการนำอุปกรณ์อาบน้ำไปไว้ในห้องน้ำ จัดวางอย่างเป็นระเบียบ เมื่อจัดเสร็จแล้วก็หมุนตัวมาจัดถ้วยชามรามไห วางเรียงรองเท้า และอื่นๆ อีกมากมายเท่าที่จะพอทำได้
จนกระทั่งของทั้งหมดที่กองอยู่ ก็กระจัดกระจายไปอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างเหมาะสมและไม่รกหูรกตาระเกะระกะเกินไปนัก บิ้วตี้นั่งหอบแฮ่กอยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่หลา ข้างๆ กันนั้นมีเสื้อคลุมลายเสือดาวเข้าชุดกันถูกถอดทิ้งขว้างอยู่ใกล้ๆ
“นุ้งวินนนน ยังไม่กลับอีกหรอออ” บิ้วตี้บ่นออกมาเบาๆ พลิกกายนอนตะแคงข้าง หันไปทางประตูห้อง ดวงตาเริ่มปรือปรอย เพราะนาฬิกาที่พึ่งจะนำแขวนหมาดๆ บอกว่าล่วงเข้าวันใหม่มามากกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว ทำให้บิ้วตี้เริ่มหมดพลังลงไปทุกที เปลือกตาปิดพับลงได้ไม่นานนัก เจ้าตัวก็ทนไม่ไหว ลุกไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวลงนอนก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทราในที่สุด.......
.
.
.
Winner Part
ตอนนี้เป็นเวลา 02.00 น. อันเป็นเวลาปิดร้านของสถานเริงรมย์แห่งนี้ วินช่วยคนอื่นๆ ปิดร้าน เดินเก็บของ เก็บโต๊ะ เก็บเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนข้าวของต่างๆ บนโต๊ะจะถูกปล่อยทิ้งไว้จนกว่าจะถึงเช้าของอีกวัน เพราะพนักงานทุกคนต่างอยากกลับไปนอนพักผ่อนเอาแรง ดังนั้นการทำความสะอาดจึงจะเริ่มต้นในวันถัดไป
วินยกมือไหว้ลาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของผับ หรืออีกชื่อที่มอบให้นั่นก็คือผัวของเพื่อน ซึ่งไอ้เพื่อนตัวเล็กนั้นก็กำลังเก็บกระเป๋า เตรียมออกจากร้านเช่นกัน
“ไปนะ สวัสดีครับ” วินว่าพร้อมกับโบกมือให้เพื่อน ในขณะที่คนตัวเล็กร้องเรียกเอาไว้ก่อน
“ไอ้วิน! เดี๋ยว!” ว่าพร้อมกับวิ่งเข้ามาใกล้ ยื่นกุญแจรถส่งให้ วินทำหน้างง มองอย่างไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม
“มึงเอารถกูไปใช้ คอยดูแลรักษา เติมน้ำมันให้กูด้วย กูให้ยืม”
“ได้ไง มึงให้กูใช้แล้วมึงจะไปเรียนยังไง ไปทำงานยังไง” วินส่ายหน้าแล้วดันมือเพื่อนกลับไป พี่โจ้เองก็ตามมาสมทบที่ด้านหลัง
“ไอ้เตี้ยมันจะย้ายมาอยู่กับกูแล้ว มากินนอนกับกูนี่แหละ ไม่ต้องเสียค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟ อยากแดกอะไรเดี๋ยวกูพาไปหาแดก รถนี่คงไม่ค่อยได้ใช้ จอดทิ้งไว้เดี๋ยวมันก็เสื่อมสภาพ ไม่สู้ให้มึงใช้คอยดูแลให้ด้วยดีกว่า”
“เออ ตามนั้นแหละ มึงเอาไปใช้ไป มึงจะเดินไปกลับระหว่างหอพัก มหาลัย ที่ทำงานตลอดจนจบปี 4 เลยรึไง ยังไงวันนี้พี่โจ้เขาก็จะไปช่วยกูขนของอยู่แล้ว” เจพูดพร้อมกับยัดกุญแจรถใส่มือ
“เพราะแบบนี้มึงถึงได้ดีใจตอนที่กูจะย้ายออกสินะไอ้เตี้ย ส่วนพี่มึงที่รีบไล่กูเพราะแบบนี้ใช่ไหม” พี่โจ้ยักไหล่แทนคำตอบ ส่วนเพื่อนตัวดีก็ยืนยักคิ้วจึ่กๆ โดยไม่พูดอะไร
"แล้วนี้จะให้ไปช่วยขนของไหม ของเยอะเปล่า" วินถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนที่ตัวเองย้ายมา พี่โจ้กับไอ้เจก็มาช่วยขนของ หากแต่อีกฝ่ายกลับโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
"ไม่เป็นไร พวกกูก็ขนมาตั้งแต่เอามึงมาทิ้งไว้นี่แหละ จนคนเริ่มเยอะถึงได้พักไว้ก่อน ของไม่เยอะหรอก ใกล้จะหมดแล้ว มึงกลับห้องไปนอนพักไป" วินพยักหน้ารับหลังจากที่โจ้ร่ายยาวอธิบายให้ฟังจนหมด
“งั้นผมไปก่อนละกัน ง่วง ไว้เจอกันที่มอ.”
“เออ ขับรถดีๆ อย่าวูบนะมึง”
“เป็นห่วงกู?”
“เปล่า!! เป็นห่วงรถ!!” วินหัวเราะขำ ไม่ถือสาหาความ ก่อนจะควงกุญแจรถแล้วเดินออกไป ขึ้นขี่ฟีโนสีชมพู ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากับเขาเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังดีกว่าเดินขาลากกลับไปหอพัก
วินขับรถไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ปล่อยให้ลมเย็นปะทะใบหน้า เส้นผมสีดำพลิ้วไหวตามสายลม จนอดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงงานที่รออยู่ที่ห้องก็ต้องหุบยิ้มฉับ ถอนหายใจเฮือก
“แล้วกูจะได้นอนเมื่อไหร่ว่ะเนี้ย” พูดพร้อมส่ายหัวไปมา ก่อนจะบอกกับตัวเองอีกหน
“ช่างแม่ง นอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำ” เมื่อตกลงกับตัวเองได้ วินจึงขับรถไปจอดใต้อาคาร แล้วเดินขึ้นห้องของตัวเอง
แกร๊ก!
ภายในห้องมืดสนิท หากแต่ได้ยินเสียงพัดลมกำลังทำงานอยู่ วินก็หน้าเสียขึ้นมาทันที
“เชี่ย ลืมปิดพัดลมหรอว่ะ” เอ่ยบ่นพร้อมกับทึ้งหัวตัวเองไปพลาง จนเมื่อทำใจได้แล้วว่าคงไม่อาจเรียกเอาค่าเสียหายกับใครได้จึงตัดใจ แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกเหมือนนอนทับอะไรสักอย่าง จึงติ๊ต่างว่าเป็นผ้าห่ม แล้วดึงขึ้นมาคลุมกาย จมลงสู่ห้วงนิทราให้ที่สุด
ในเช้าวันถัดมา วินรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มที่โอบรัดอยู่รอบตัว นอกจากนี้แล้วยังมีเส้นผมที่คลอเคลียอยู่ปลายจมูก ระไปกับลำตัว จนได้กลิ่นหอมลอยมา อีกทั้งที่ไหล่ข้างซ้ายยังถูกกดทับ ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ดั่งใจอยาก
ผีอะไรจะมาอำตอนเช้าแบบนี้ว่ะ?
ครุ่นคิดกับตัวเองภายในใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นเส้นผมสีดำสนิท ปลายผมเป็นสีแดงเพลิงมองไล่สูงขึ้นมาอีกนิดก็พบกับดวงหน้ายามหลับใหลของใครบางคนนั้นปิดพริ้มจนมองเห็นแพขนตางามงอน แก้มจิ้มลิ้ม ริมฝีปากระเรื่อเล็กบาง และคงจะดีกว่านี้ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่สาวประเภทสองที่มีร่างใหญ่สูงโปร่งเกินกว่าจะเป็นผู้หญิง กล้ามแขนเห็นปรากฏออกมาให้เห็นจางๆ เมื่อสำรวจจนแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้านี้คือใคร วินก็ผงะถอยออก ก่อนที่จะยกฝ่าเท้ายันโครมเข้าที่กลางลำตัว ทำให้หญิงสาวที่อยู่ในชุดเสือดาวสุดขยี้ใจกลิ้งตกเตียงไปพร้อมกับเสียงดัง ตุ้บ! สนั่นหวั่นไหว
“โอ้ยยยยยยย”
“มึง!!”
“นุ้งวินนนนนนน ถีบเค้าทำไม!” บิ้วตี้นั่งกุมสะโพกของตัวเองอยู่ที่พื้น ในขณะที่วินขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ใช้มือข้างจับที่คอของหญิงสาว แล้วเอ่ยถามเสียงเข้ม
“มึงเข้ามาได้ยังไง!”
“แค่กๆ ก็เปิดประตูเข้ามาสิ!!”
“แล้วจะเข้ามาหาพระแสงอะไร!!” วินพูดพร้อมกับมองจ้องเขม็ง แรงที่จับอยู่ไม่ได้คลายลงแม้แต่น้อย
“โอ้ยยยย ปล่อยนะ ปล่อยๆๆๆ” บิ้วตี้ร้องพร้อมกับดีดดิ้นไปมา
“เข้ามาทำอะไร!!!” วินตะคอกเสียงดัง พร้อมกับเลื่อนมือมาจับไหล่ทั้งสองข้าง เขย่าไปมาเค้นเอาคำตอบ จนบิ้วตี้หัวสั่นหัวคลอน
“กะ กะ ก็เข้ามาดู ว่าวินวินขาดเหลืออะไรไหม ละ ละ แล้วพอวินวินไม่อยู่ก็เลยนั่งรอ แล้วเผลอหลับน่ะ!!” บิ้วตี้หลับหูหลับตาพูดออกไปจนหมด แม้ว่าจะเป็นเรื่องแต่งก็ตามที ดังนั้นแล้ววินจึงคลายแรงที่จับบ่าเล็กทั้งสองข้างออก เมื่ออีกฝ่ามีเจตนาดี ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาขโมยของอย่างที่คิดไว้ทีแรก
“ผมไม่ขาดเหลืออะไร ขอบคุณเจ๊มาก ออกไปได้แล้วครับ” ว่าจับก็เตะโด่งบิ้วตี้ออกมานอกห้อง ในขณะที่บิ้วตี้กะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง ก่อนจะหันหลังกลับ เตรียมที่จะยกมือขึ้นทุบประตูห้อง
“วินว๊-”
แกร๊ก!
พรึ่บ!
ปัง!
วินเปิดประตูออกมาอีกหน แล้วยัดเสื้อคลุมลายเสือดาวไว้ในอ้อมแขนของบิ้วตี้ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าอีกครั้ง แล้วล็อกประตูห้อง บิ้วตี้ยืนมึนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“วินวิ๊นนนนนนนนน”
วินไม่สนใจเสียงกรีดร้องที่หน้าประตูห้องแม้แต่น้อย เดินกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกหน กลิ่นหอมจางๆ ยังคงลอยอบอวลอยู่ในบรรยากาศ ที่หมอน ที่นอน หรือแม้แต่ผ้าห่ม วินสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
วินตื่นขึ้นมาในเวลาสายของวัน บิดขี้เกียจเล็กน้อยไล่ความเมื่อยขบ แล้วจึงลุกขึ้นจากเตียง มองตรงไปที่กลางห้อง ซึ่งจำได้ว่าวางของกองทิ้งไว้ ก่อนจะออกไปทำงานพร้อมกันกับพี่โจ้และไอ้เจ
หากแต่เมื่อมองไปแล้วกลับพบเพียงความว่างเปล่า ทำให้ทะลึ่งตัวลุกพรวด มองไปรอบตัวอย่างตื่นตระหนก จึงเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ข้าวของต่างๆ กระจายอยู่ทั่วห้อง จัดวางในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย และหยิบใช้ได้สะดวก
วินขมวดคิ้วแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เมื่อเปิดออกดูก็ต้องทึ่งจัดกับการจัดเรียง เสื้อยืดอยู่ด้านหนึ่ง เสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่อีกด้านหนึ่ง เสื้อผ้าที่เป็นสีจะถูกจัดเรียงและไล่สีอย่างเป็นระเบียบ ชั้นในถูกพับเก็บลงในชั้นอย่างเรียบร้อย เครื่องประดับแขวนกันอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มาพร้อมกับครีมทาหน้า น้ำหอมต่างๆ และสเปรย์ระงับกลิ่นกาย ร่างสูงสืบเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ ระเบียง ชั้นวางทีวี เปิดดูทุกชั้น ทุกอย่าง ทุกที่ แล้วจัดเก็บเข้าที่เดิม ก่อนจะพึมพำออกมา
“อีเจ๊นั่นจัดให้หรอว่ะ” แม้คำพูดคำจาจะห่ามไปสักหน่อย แต่บนดวงหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มจางๆ ให้เห็น ส่ายหัวไปมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากบอกกับตัวเอง
“ต้องไปขอโทษแล้วสิ.....”
.
.
.
Beauty Part
“หู้ยยยยย อีบิ้ว ผู้มึงโหดขนาดนี้เลยหรอว่ะ” เดียร์พูดพร้อมกับจับเพื่อนสาวหมุนตัวไปมาหาร่องรอย บิ้วตี้กระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบกลับไป
“เออ แซ่บมากมึ้งงงงงงง” บิ้วตี้ทำท่าปาดน้ำตา ก่อนจะเอ่ยย้ำลงไป
“หนักอะมึง หนักมาก ฮึก”
“จุ๊ๆ ไม่เบาว่ะ กูอยากลองบ้าง” เดียร์พูดพร้อมกับทำตาวาว เมื่อเห็นรอยมือที่รอบลำคอระหงของบิ้วตี้ ไหนจะรอยกดที่ต้นคอ และหัวไหล่ทั้งสองข้างที่เริ่มขึ้นสีม่วงช้ำ
“เยดุมากไหมมึงงงงง” เดียร์พูดพร้อมทำท่าตื่นเต้น ส่วนบิ้วตี้ก็พยักหน้ารับ
“ดุ ดุมากแม่ ฮรือออออ” เดียร์ยังคงพูดงุ้งงิ้งอยู่ข้างหู โดยที่ไม่รู้เลยว่ากว่าบิ้วตี้จะพาร่างที่บอบช้ำกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่แล้วลงมาเปิดร้านมันเจ็บปวดรวดร้าวขนาดไหน เจ็บเหมือนคอจะหัก หนักเหมือนไหล่จะหลุด ไม่อยากคิดสภาพตอนมีอะไรกันเลย จะเจ็บช้ำได้ขนาดไหน
สักวันนะวินวิน สักวัน....
ถ้ากูจับทำผัวไม่ได้ กูก็จะเอาแม่งเป็นเมีย!!!
บิ้วตี้ทำงานของตัวเองตามปกติ จวบจนกระทั่งช่วงเวลาสายของวัน ในครรลองสายตาก็มองเห็นหนุ่มรุ่นน้องเดินผ่านหน้าร้านไป หญิงสาวมองตามตาละห้อย ก่อนจะกลับมาสนใจงานตรงหน้า เริ่มแต่งหน้าทาปากให้กับลูกค้าที่กำลังจะไปออกงานที่ไหนสักอย่าง อย่างตั้งอกตั้งใจ
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง แรงสะกิดเบาๆ ที่หัวไหล่ทำให้ต้องหันไปมอง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เมื่อจุ๊บปาจุ๊บสองอันถูกยื่นมาตรงหน้า ในขณะที่คนส่งให้นั้นก็คาบจุ๊บปาจุ๊บอันหนึ่งไว้ในปาก
“ให้” พูดพร้อมกับดูดดุนไม้ไปมา บิ้วตี้รับมาถือไว้ด้วยความงุนงง ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก
“อันหนึ่งขอโทษ อีกอันก็ขอบคุณ” ว่าจบก็ว่ามือลงบนหัวของหญิงสาวแล้วยีไปมาเบาๆ
“ผมนุ่มดี.... เหมือนขนหมา” กระตุกยิ้มกวนๆ ส่งให้ แล้วหมุนกายหันหลังเดินจากมา ทิ้งให้ใครบางคนมองตามหลังด้วยใจเต้นแรง สลับกับมองแผ่นหลังกว้าง
หน็อยยยยยย มาว่าฉันเป็นหมาเรอะ!! อย่างน้อยๆ กูก็ต้องพันธุ์ปอมปอมแหละว่ะ!!
บิ้วตี้อ้าปากพะงาบๆ จะด่าก็ด่าไม่ทัน เมื่อคนต้นเรื่องนั้นเดินตัวปลิวขึ้นบันไดไปแล้ว
ไอ้ที่หัวใจเต้นแรงอยู่นี่ไม่ได้เขินเลยนะ!! โมโหล้วนๆ!! เอ๊ะ! ก็บอกว่าไม่ได้เขินไง!!!!
และแล้ววันนั้นบิ้วตี้ก็ตบตีกับตัวเองจนยุ่งไปหมด ทำผิดทำถูก จนเดียร์ต้องเข้ามารับหน้าให้แทน พร้อมกับไล่ให้บิ้วตี้ไปนอนพักผ่อนเอาแรง เพราะคงจะใช้พลังงานมาเยอะเมื่อคืนนี้ บิ้วตี้ก็ได้แต่ยิ้มรับหน้าแห้ง ไอ้ที่ใช้แรงเยอะก็ใช่อยู่ แต่ไม่ได้เป็นแบบที่มึงคิดไงอีเพื่อน มึงไม่รู้อะ มึงไม่รู้ว่ากูเจอกับอะไรมาาาาา
ดังนั้นแล้ว บิ้วตี้จึงระเห็จออกจากร้านตัวเอง เดินกลับขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ส่งเสียงทักกันเป็นระยะ แจ้งเรื่องข้าวของในห้องเล็กน้อย อย่างเช่นคนนี้
“พี่บิ้วครับ เตียงผมเหมือนว่าขามันจะหักเลยครับ เวลานอนทีไรมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดตลอดเลย พี่บิ้วช่วยเข้ามาดูให้ทีสิครับ”
“เอ๋ พี่เข้าไปแล้วจะให้ดูยังไงละจ๊ะ พี่ไม่ใช่ช่างซ่อมสักหน่อยนี่น่า” บิ้วตี้พูดพร้อมเกาคางของเด็กหน่อยตรงหน้า อีกคนก็ตาวาว จับคว้ามือสากมากุมเอาไว้ ถูไถใบหน้าของตัวเองไปมา
“พี่บิ้วก็ลองมานอน คราง บนเตียงผมสิครับ จะได้รู้ว่ามันเอี๊ยดอ๊าดยังไง” ว่าพร้อมกระตุกยิ้มส่งให้ บิ้วตี้มองตาแล้วเป็นอันรู้กัน
“เอ งั้นพี่คงต้องเข้าไปลองเตียงของน้องไทม์มี่แล้วสิ จะได้รู้ว่าเวลาทิ้งตัวนอน แรงๆ เนี้ย จะเสียง ดัง ขนาดไหน” ลูกหอที่ชื่อไทม์ยกยิ้ม ก่อนจะโอบเอวเล็กบาง แล้วตั้งท่าจะพาเดินเข้าไปในห้องด้วยกัน
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง ก่อนที่บิ้วตี้จะหน้าซีดเผือดสี ริมฝีปากสั่น แต่ก็ยังคงยืนนิ่งไม่ได้ขยับหนีไปไหน
“เหอะ” บิ้วตี้เหลือบตามองคนที่เดินผ่าน โดยมีกระเป๋าเป้สะพายหลังไว้ข้างหนึ่ง สวมใส่เสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบและใส่ช็อปสีเลือดหมู เดินผ่านไปโดยปรายสายตามองด้วยความดูแคลน
บิ้วตี้กลืนน้ำลายลงคอเหมือนคนที่กระทำความผิดมา แล้วกระเถิบถอยออกจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่มอีกคนอย่างเนียนๆ เอ่ยปากปฏิเสธเสียงดังฟังชัด หวังว่าใครบางคนที่พึ่งเดินผ่านไปนั้นจะได้ยิน
“พี่ว่าให้ช่างมาดูดีกว่าเน๊อะ เดี๋ยวพี่ตามให้น้าาาาา” พร้อมกับเดินจากมา ท่องเอาไว้ในใจ
กูยังไม่ได้กินน้องเขา กูจะชวดไม่ได้!!!
ผู้ชายทั้งชั้น 3 นี้อีบิ้วตี้งาบมาหมดแล้วทั้งนั้น ไม่สิ ไม่ใช่ทั้งชั้น แต่เป็นทั้งตึกต่างหาก ขอแค่เป็นชายหนุ่มรูปงามแถมด้วยความโสด คุณก็จะได้เข้าพักในราคาถูกแสนถูก และหากอีบิ้วตี้คนนี้ได้งาบหนุ่มใดให้ได้เป็นบุญตูด เงินค่าเช่าห้องเดือนนั้นๆ ก็จะถูกละเว้นไป เหมือนกับการซื้อกิน
ดังนั้นแล้วชายหนุ่มแต่ละคนที่พากันส่งเสียงเรียกเชิญชวนให้เข้าห้อง ต่างหวังลดราคาค่าเช่าห้องทั้งสิ้น เช่นเดียวกันกับแฟนเก่า ที่เป็นหนึ่งในผู้เช่า และก็ใช้วิธีในการเข้าหา จนได้คบกันเป็นตัวเป็นตน แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปติดสาวตอนไหน อย่างไร ถึงได้มาทิ้งกันไปแบบนี้
เอ้าเปิดเพลง!! เมาทุกขวดเจ็บปวดทุกเพลง มา มึ้งเปิดม๊าาาาา
คิดพลางถอนหายใจ ตอนนี้ยังไม่ได้กินวินวิน ยังไม่ได้ทำสัญญา เพราะงั้นอีบิ้วจะยอมสงบเสงี่ยม เก็บเนื้อเก็บตัวรอคอยวันที่วินวินยินยอมพร้อมใจให้ทำ ดวงตากลมโตมองตามหลังของคนที่เดินจากไปช้าๆ แต่อย่างน้อยๆ ก็มั่นใจได้ว่าบทสนทนาเมื่อครู่อีกคนได้ยินเต็มสองรูหู
แม้จะเสียดาย แต่บิ้วตี้ก็ยอมพาร่างของตัวเองกลับขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้า ล้มตัวนอนบนเตียง หยิบคว้าอมยิ้มสองอันมาถือไว้ ก่อนจะบ่นออกมา
“โตแบบนี้แล้ว ใครเขาจะกินจุ๊บปาจุ๊บกันล่ะน้องวิน ฮึฮึ” ว่าแล้วก็แกะอมยิ้มออก ส่งเข้าริมฝีปาก อมๆ ดูดๆ เลียๆ พร้อมกับนอนเกาพุงดูรายการตลกไปพลาง จนกระทั่งผล็อยหลับไปโดยที่มีจุ๊บปาจุ๊บคาอยู่ที่ริมฝีปากไม่คลายออกแม้แต่น้อย.....
